Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นักโบราณคดีขุดพบหมู่บ้านโบราณยุคน้ำแข็งที่แคนาดาอายุ 14,000 ปี


นักโบราณคดีขุดพบหมู่บ้านโบราณยุคน้ำแข็งที่แคนาดาอายุ 14,000 ปี
จากเรื่องเล่าขานสืบทอดต่อกันมาของชนเผ่า Heiltsuk ซึ่งเป็นชนชาติแรกที่ปกครองบริติชโคลัมเบีย ถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่เคยกลายเป็นน้ำแข็งในช่วงระหว่างยุคน้ำแข็ง สถานที่ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานขึ้นที่นั่นเพื่อการอยู่รอด ในที่สุดนักโบราณคดีได้ขุดพบหมู่บ้านโบราณในบริเวณที่พูดถึงจริงๆ หมู่บ้านที่ค้นพบมีอายุถึง 14,000 ปี เก่าแก่กว่ามหาพีระมิดแห่งกีซาเป็นหมื่นปี

ทีมนักวิจัยจากสถาบัน Hakai และมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย ร่วมกับชาว Heiltsuk ได้ขุดพบหมู่บ้านโบราณบนเกาะ Triquet ห่างจากเมืองวิกตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 500 กม. พวกเขาพบข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง เช่น ถ่านไม้ เบ็ดตกปลา ฉมวกล่าสัตว์ทะเล และสว่านมือสำหรับจุดไฟ
จากการวิเคราะห์อายุถ่านไม้พบว่าหมู่บ้านนี้ก่อตั้งราว 13,613 ถึง 14,086 ปีมาแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงของยุคน้ำแข็ง ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าระดับน้ำทะเลรอบๆเกาะ Triquet ยังคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดสังเกตมานาน 15,000 ปีจนสิ้นสุดยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย นี่จึงเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าที่แห่งนี้มีความมั่นคงอย่างยิ่งนานหลายพันปีอย่างที่ชาว Heiltsuk ได้พูดมาโดยตลอด

การค้นพบยังช่วยอธิบายว่าชาวอเมริกาเหนือยุคแรกเริ่มอพยพผ่านบริติชโคลัมเบียอย่างไร ทฤษฎีหนึ่งบอกว่ามนุษย์มาจากเอเชียข้ามผ่านแผ่นดินที่เป็นสะพานเชื่อมรัสเซียกับอลาสกา การค้นพบบนเกาะ Triquet ได้สนับสนุนแนวคิดว่าผู้คนเดินทางลงมาตามชายฝั่งและเป็นไปได้มากว่าเดินทางด้วยเรือ หลังจากที่ได้ข้ามบริเวณแผ่นดินเชื่อมมาแล้ว

จากการค้นพบหมู่บ้านโบราณทำให้กลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง Heiltsuk บอกว่าพวกเขามีหลักฐานความน่าเชื่อถือและความถูกต้องมากขึ้นเมื่อต้องเข้าไปต่อสู้เพื่อสิทธิในการครอบครองที่ดิน
“เมื่อเราต้องเข้าไปต่อรอง ประวัติศาสตร์จากการบอกเล่าคือสิ่งที่เราต้องนำไปใช้อ้างอิง” William Housty สมาชิกชนเผ่า Heiltsuk คนหนึ่งกล่าว 

“แต่เดี่ยวนี้เราไม่ได้มีเพียงแค่ประวัติศาสตร์บอกเล่าเท่านั้น เรายังมีข้อมูลทางโบราณคดีอีกด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสร้างขึ้นได้เองโดยพลการ เรามีประวัติศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งวิทยาศาสตร์และโบราณคดี”

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

งานวิจัยเผยคนที่พูดคำหยาบและพูดตรงๆ มีโอกาส IQ สูงกว่าคนทั่วไป


👥งานวิจัยเผย! คนที่พูดคำหยาบและพูดตรงๆ มีโอกาส IQ สูงกว่าคนทั่วไป

อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อมากเท่าไหร่ แต่ก็ได้มีการวิจัยกันอย่างจริงจังแล้ว สำหรับเครือสถาบันต่างๆ อาทิเช่น University of Cambridge, Maastricht University, Hong Kong university และ Stanford found ได้มีการสรุปผลการทดลองถึงค่าไอคิวระดับของบุคคล ที่มีพฤติกรรมใช้คำหยาบกับพฤติกรรมคนที่สุภาพเรียบร้อย โดยจะวัดผลมาว่าใครจะมีไอคิวสูงกว่ากัน

😂ซึ่งจากการทดลงนี้ ผู้วิจัยจะทำการสังเกตพฤติกรรมการพูดคำหยาบของผู้ทดลองออาสาสมัครทั้งหมด 276 คน และค่อยๆทำการศึกษาทางด้านคิวโดยให้ผู้คนเหล่านั้นตอบแบบสอบถามและทดสอบ โดยผลสรุปจากการวิจัยนั้นพบว่า บุคคลประเภทที่ชอบพูดคำหยาบบ่อยๆ มักจะเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด มีความจริงใจ และซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนที่มีการใช้สมองในเรื่องคำพูดที่เถรตรง แต่ก็จะทำให้เกิดข้อเสียในการเข้าสังคมด้วยเช่นกัน แม้ว่าคนๆนั้นจะใจดีก็ตาม

และนอกจากนั้น ถึงแม้ว่าการใช้คำพูดที่หยาบคายหรือรุนแรง จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลักต่อสังคมมากนัก แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีการสรุปผลออกมาเรื่อยๆว่า คนที่ชอบพูดจารุนแรง หรือเถรตรงจนเกินไปจะมีการแสดงออกถึงความจริงใจมากที่สุด ดีกว่าคนที่พูดเพราะๆ แต่จิตใจตรงกันข้ามเสียอีก เพราะฉะนั้น หากคุณไปพบเจอเพื่อนที่ชอบพูดแรงๆ นั่นอาจจะหมายความว่าเขาแสดงความจริงใจและกำลังเป็นห่วงคุณออยู่ก็ได้

อีกทั้งในสถาบันเครือเดียวกัน
ยังได้มีการทดลองถึงเรื่องพฤติกรรมคนที่นอนดึก หรือชอบปล่อยให้ห้องรก ซึ่งหากมองเผินๆแล้ว

🎭ผลสรุปกลับมีแนวโน้มว่าบุคคลเหล่านี้มีโอกาสเป็นคนฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์อีกต่างหาก อย่างนี้ก็ต้องลองสำรวจตัวเองดูซะแล้วว่าเป็นคนซกมกหรือฉลาดกันแน่

รายการบล็อกของฉัน