Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ผู้ชายมีขนรักแร้ตอนไหน ไขข้อสงสัย พร้อมรู้จักประโยชน์ของขนรักแร้

ผู้ชายมีขนรักแร้ตอนไหน ไขข้อสงสัย พร้อมรู้จักประโยชน์ของขนรักแร้

วันนี้มีสาระความรู้เกี่ยวกับขนรักแร้ประโยชน์ของขนรักแร้และทำไมจึงต้องมีคนรักแร้

😬ร่างกายของคนเราเมื่อก้าวสู่วัยเจริญพันธุ์ก็ย่อมต้องมีพัฒนาการทางร่างกายที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะขนตามร่างกายส่วนต่าง ๆ เช่น ขนขา หนวด ขนแขน ขนหน้าอก ขนบริเวณอวัยวะเพศ

รวมถึงขนรักแร้ ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นขนแต่ละบริเวณก็ขึ้นช้าเร็วไม่เท่ากัน แต่เนื่องจากผู้ชายหลายคนใส่ใจกับขนรักแร้มากเป็นพิเศษ กระปุกดอทคอมจึงขอมาไขข้อสงสัยว่า ผู้ชายมีขนรักแร้ตอนไหน แล้วถ้าผู้ชายไม่มีขนรักแร้จะผิดปกติหรือเปล่า รวมถึงประโยชน์ของขนรักแร้ผู้ชายมีอะไรบ้าง ตามมาดูกัน

👉🏿ผู้ชายมีขนรักแร้ตอนไหน
ตอนเด็กคนเราจะมีขนอ่อน ๆ ขึ้นทั่วร่างกายเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่าแอนโดรเจนขึ้นมา ซึ่งฮอร์โมนนี้เรียกง่าย ๆ ว่า ฮอร์โมนเพศ ช่วยให้ต่อมเหงื่อ Apocrine เริ่มทำงาน โดยผู้ชายจะมีขนรักแร้ รวมถึงขนบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายขึ้น

ลองเข้ามาดูสินค้า 🚚พร้อมส่ง แท้💯Diptyque Orphéon & Fleur de Peau EDP 2ml/5ml/10ml น้ำหอมยูนิเซ็กส์ ลดราคา 64% เหลือ ฿0 เท่านั้น! ซื้อได้ในแอป Shopee ตอนนี้เลย! https://s.shopee.co.th/qXOXGKme3

เมื่ออายุประมาณ 11-14 ปี และยิ่งร่างกายผลิตแอนโดรเจนมากเท่าไรก็จะมีพื้นที่เจริญเติบโตของเส้นขนที่โตเต็มที่มากขึ้น เช่น ขา แขน หน้าอก และเท้า ซึ่งขนบริเวณเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหยุดความยาวอยู่ที่น้อยกว่า 6 นิ้ว ต่างจากเส้นผมที่ยาวขึ้นได้เรื่อย ๆ

👉🏿ประโยชน์ของขนรักแร้คืออะไร
สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติย่อมมีปัจจัยที่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งขนรักแร้ที่ขึ้นมานั้นก็มีประโยชน์ คือ

⭐ช่วยสร้างฟีโรโมน - รักแร้ปล่อยกลิ่นที่มีฟีโรโมน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ ทำหน้าที่ดึงดูดทางเพศ การมีขนรักแร้จะช่วยดักจับกลิ่นจากความชื้นหรือเหงื่อที่เกาะติดกับเส้นขน ทำให้ฟีโรโมนแรงขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยมาแล้วว่าการที่คู่รักได้ดมกลิ่นกายธรรมชาติของกันและกันจะช่วยบำบัดความเครียดได้ อีกทั้งการมีกลิ่นฟีโรโมนชัด ๆ ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับเพศตรงข้ามได้ด้วย

⭐ช่วยลดแรงเสียดทาน - ขนรักแร้ช่วยป้องกันการสัมผัสทางผิวหนังเมื่อทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น วิ่งและเดิน ทำให้ไม่เจ็บบริเวณรักแร้นั่นเอง

⭐ป้องกันภาวะสุขภาพอื่น ๆ - นอกจากลดการเสียดสีของผิวหนังแล้ว การมีขนรักแร้ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น สิวใต้วงแขน ขนคุด การระคายเคืองผิวหนัง เป็นต้น

👉🏿โกนขนรักแร้ดีไหม ?
อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องโกนขนรักแร้ เพียงแต่ต้องคอยดูแลรักษาใต้วงแขนให้สะอาด ปราศจากเหงื่อและความอับชื้น เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่หากไม่ชอบที่จะมีขนรักแร้ก็สามารถโกนได้ โดยประโยชน์ของการโกนขนรักแร้ คือ

⭐ช่วยลดเหงื่อใต้วงแขน - เนื่องจากขนรักแร้จะทำหน้าที่เก็บความชื้นเอาไว้ การโกนขนรักแร้จะทำให้ความชื้นใต้วงแขนหายไป จึงช่วยลดเหงื่อได้

⭐ช่วยลดกลิ่นตัว - เหงื่อใต้วงแขนเกี่ยวข้องกับกลิ่นตัวโดยตรง เนื่องจากขนรักแร้มักจะสะสมแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเอาไว้ ดังนั้นเมื่อโกนขนรักแร้ออกไปจึงช่วยลดกลิ่นตัวได้ อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดผิวได้สะดวกขึ้น และยังทำให้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสัมผัสกับผิวหนังได้โดยตรงอีกด้วย

👉🏿ทั้งนี้ การโกนขนรักแร้ หากโกนไม่ถูกวิธีอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อาการไหม้จากมีดโกน ขนคุด บาดแผล และการระคายเคือง เป็นต้น

🧔ผู้ชายไม่มีขนรักแร้ ผิดปกติไหม
หากอายุถึงวัยเจริญพันธุ์แล้ว แต่ขนรักแร้ยังไม่ขึ้น อาจเป็นผลจากพันธุกรรม แต่ถ้าขนส่วนอื่นขึ้นเป็นปกติก็ไม่ต้องเป็นกังวล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนแอนโดรเจนด้วยว่าผลิตมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้การไม่มีขนรักแร้ก็อาจมาจากภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหอบหืด หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์และต่อมใต้สมอง ซึ่งต้องลองสังเกตร่างกายตัวเองดูว่ามีความผิดปกติอื่นใดหรือไม่ หากเกิดความผิดปกติขึ้นให้ลองไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

🧔เรื่องของขนรักแร้เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องมีกันทุกคน และขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลว่าอยากเก็บไว้หรืออยากโกนทิ้ง ทั้งนี้ ต้องลองศึกษาและตัดสินใจกันดูครับ

แต่ก็ยอมรับนะครับว่าบางทีมันก็รำคาญไม่ว่าหนวด เครา ขนรักแร้ ผู้ชายบางคนก็ไม่ค่อยชอบนะครับเพราะว่ามันดูรกรุงรังแล้วก็ทำให้เกิดความไม่สะอาด...แล้วแต่ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลนะครับว่าท่านใดจะชอบหรือไม่ชอบ...

บางทีมันก็ผสมกับความขี้เกียจด้วยนะครับขี้เกียจโกนหนวดโกนเคราโกนขนรักแร้อะไรอย่างนี้🙄

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568

หลักฐาน Ufo เกี่ยวกับการมีตัวตนของมนุษย์ต่างดาว


โลกของเราใบนี้มีจะมีวิธีการพิสูจน์ความจริงทางวิทยาศาสตร์มากมายหลายแบบ แต่บางคำถามก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าแท้จริงแล้วคำตอบเป็นอย่างไร หนึ่งในคำถามยอดฮิตเลยก็คือ เราเป็นคนกลุ่มเดียวบนจักรวาลนี้หรือเปล่า พูดง่ายๆว่า UFO มีจริงหรือไม่

หลายคนที่เชื่อว่ามีพวกเค้าต่างก็หาหลักฐานมาสนับสนุนความคิดอย่างเต็มที่ หลักฐานเรื่องราวที่ว่ามามีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้าง เราจะย้อนกลับไปดูกัน การค้นพบมนุษย์ต่างดาวของทหารนิวซีแลนด์

ย้อนกลับไปช่วงประมาณปี 1954 ได้มีเอกสารค้นพบว่าโลกของเราเคยมีมนุษย์ต่างดาวมาเยี่ยมเยียนหลายครั้ง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อกองทัพทหารของประเทศนิวซีแลนด์ได้ทำการสำรวจและค้นพบว่าได้เจอมนุษย์ต่างดาวขึ้นมา นอกจากการเจอยังมีการวาดภาพสเก็ตช์เอาไว้เป็นหลักฐานการเจอมนุษย์ต่างดาวอีกด้วย

หลักฐานน่าสนใจตรงที่ว่ามนุษย์ต่างดาวที่มาเยี่ยมโลกของเรานั้นสวมหน้ากากฟาโรห์ วัฒนธรรมของชาวอียิปต์อีกด้วย(น่าแปลกใช่ไหมล่ะ) การพบวัตถุที่เร็วกว่าที่คาด

อีกหนึ่งการค้นพบสิ่งที่คาดว่าจะเป็น UFO นั่นก็คือการค้นพบจานบิน หรือ วัตถุความเร็วแสงจนถึงเร็วกว่านั้นจากเหตุบังเอิญต่างๆนานาที่เกิดขึ้น อย่างแรกเลยมีการค้นพบว่าในท้องฟ้าเหนือท้องทุ่งไซบีเรีย มีการจับสัญญาณเสียงของวัตถุลึกลับคล้าวกับเสียงผู้หญิง แต่ภาษาที่ส่งออกมาเป็นภาษาที่ไม่สามารถแปลด้วยภาษาใดๆบนโลกใบนี้ได้เลย ไม่เพียงแค่ยังค้นพบวัตถุที่มีความเร็วมากกว่าจนไม่สามารถจับภาพได้ทัน คาดกันไว้ว่าน่าจะเร็วประมาณ 6,000 ไมล์ต่อชั่วโมง

ลองเข้ามาดูสินค้า J hair protection spray SPF15 ขนาด 100 ML  สเปรย์ฉีดผมหอม ลดผมมัน สเปรย์ฆ่าเชื้อ ปลอดภัย ลดราคา 60% เหลือ ฿249 เท่านั้น! ซื้อได้ในแอป Shopee ตอนนี้เลย! https://s.shopee.co.th/9AB0O5r9FW

 อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คล้ายกันแต่คราวนี้ปรากฏขึ้นในประเทศไทยบ้านเรา นั่นก็คือ ได้มีคนบันทึกเหตุการณ์วัตถุประหลาดบนท้องฟ้าเอาไว้ได้ เรื่องราวเกิดขึ้นจากพนักงานปิโตเลียมคนหนึ่งได้ไปเที่ยวที่ วัดถ้ำพระภูวัว อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย

ทีนี้ระหว่างที่บันทึกภาพความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบนั้น กลับได้พบวัตถุประหลาดบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งพอไปลองทดสอบกับการถ่ายภาพเครื่องบินหรือ เฮลิคอปเตอร์ ก็ยังช้าเกินไป จนเป็นที่สงสัยว่ามันคืออะไรมาจนถึงทุกวันนี้ ศพประหลาด

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่คาดกันว่า นี่คือเอเลี่ยนที่มาจากนอกโลก นั่นก็คือ เหตุการณ์พบศพสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เจอทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย ศพดังกล่าวดูไม่เหมือนมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตไหนเลยของโลกใบนี้ รูปร่างของศพอยู่ในสภาพขาข้างขวาขาด ร่างกายผอมแห้ง รูโหว่บนปากและจมูกที่กองหิมะ ซึ่งทางการก็นำไปพิสูจน์ซากดังกล่าวว่ามันคืออะไร จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบว่านี่คือมนุษย์ที่ผิดเพี้ยนไป สิ่งมีชีวิตอื่น หรือ ตัวอะไรกันแน่

ลูกไฟเหนือนครศักดิ์สิทธิ์ เหตุการณ์ต่อไปที่เชื่อว่ามันคือความสามารถของมนุษย์ต่างดาว นั่นก็คือ เหตุการณ์ลูกไฟเหนือนครศักดิ์สิทธิ์ นครเยลูซาเล็ม ได้มีคนบันทึกเหตุการณ์ที่ประหลาดและไม่น่าเชื่อเอาไว้ว่า กล่าวคือ ได้มีแหล่งพลังงานก้อนหนึ่งคล้ายกับลูกบอลไฟ ปรากฏขึ้นเหนือแท่นบูชาของศาสนาสถานแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้นลูกไฟดังกล่าวยังมีการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตมากกว่าการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ หลังจากเคลื่อนไหวได้สักพัก ก็บินหายไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

พวกเค้าเชื่อกันว่าลูกไฟนี้คือมนุษย์ต่างดาวที่มาสักการะนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนเอามาตีความกันอย่างต่อเนื่องก็คือ ในแวดวงการทหารได้มีการปกปิดความลับเกี่ยวกับซากเครื่องบินที่ทันสมัยกว่าของโลกมนุษย์มานานแล้ว

😂เข้ามาดูวิดีโอของฉันใน Shopee Video คลิกเลย >>> https://th.shp.ee/tt0nsg8?smtt=0.0.9

จากนั้นได้มีการเอาชิ้นส่วนเศษซากเหล่านั้นมาพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็นอุตหสาหกรรมเครื่องบินรบสมรรถนะสูงที่หลายประเทศกำลังทำอยู่ ก็ต้องมาดูกันว่าในอีก 10-100 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นเอเลี่ยนจริงหรือไม่

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568

กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนกลยุทธ์ในวรรณกรรมสามก๊ก


กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนกลยุทธ์ในวรรณกรรมสามก๊กกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน หรือ เจี้ยเตาซาเหริน (อังกฤษ: Kill with a borrowed knife; จีนตัวย่อ: 借刀杀人; จีนตัวเต็ม: 借刀殺人; พินอิน: Jiè dāo shā rén) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก กลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็ง ไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือเอง พึงยืมกำลังและไพร่พลทหารของผู้อื่นเป็นฝ่ายกำจัดศัตรู เพื่อเป็นการรักษากำลังและไพร่พลทหารของตนเองไว้สำหรับการศึกอื่น ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนไปใช้ได้แก่จิวยี่ที่หลอกให้โจโฉฆ่าซัวมอและเตียวอุ๋นสองแม่ทัพเรือของตนเองในคราวศึกเซ็กเพ็กระหว่างเล่าปี่และซุนกวน



ตัวอย่างกลยุทธ์
เมื่อคราวที่โจโฉยกทัพไปตีเกงจิ๋วได้จากเล่าจ๋อง ก็นำกำลังทหารหมายโจมตีกังตั๋งของซุนกวนเป็นลำดับต่อไป โจโฉมีทหารในกองทัพเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเหนือ ชำนาญการรบทางบกไม่ชำนาญการรบทางน้ำ 


โจโฉมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยซัวมอและเตียวอุ๋น นายทหารชาวเกงจิ๋วเป็นแม่ทัพช่วยในการทำศึกทางน้ำ และเป็นผู้ควบคุมฝึกสอนทหารโจโฉให้ชำนาญการเดินทัพทางเรือ จิวยี่ทราบข่าวการเตรียมทัพเรือของโจโฉจึงลอบมาสังเกตการณ์ยังค่ายทหาร และเมื่อเห็นการฝึกทหารของซัวมอและเตียวอุ๋น จิวยี่เห็นจะปล่อยคนทั้งสองไว้แก่โจโฉต่อไปเกรงจะเกิดภัยแก่ตัวในศึกครั้งนี้ จึงหาทางวางแผนกำจัดเสียให้สิ้นซาก

โจโฉส่งเจียวก้านให้มาเกลี้ยกล่อมจิวยี่หมายทำราชการด้วย จิวยี่จึงวางกลอุบายซ้อนแผนกลหลอกใช้เจียวก้านในการกำจัดซัวมอและเตียวอุ๋น 

ลองเข้ามาดูสินค้า น้ำมันนวดสมุนไพร หมอหลวง สูตรร้อน ลงลึก ซึมไว ตรงจุด ขายในราคา ฿99 ซื้อได้ในแอป Shopee ตอนนี้เลย! 

 https://s.shopee.co.th/1B8h79M8DD

โดยพาเจียวก้านกลับบ้านและให้กินโต๊ะก่อนแสร้งทำเป็นเมามายไม่ได้สติ จิวยี่พาเจียวก้านไปนอนยังเตียงเดียวกันในห้อง เจียวก้านลอบเห็นจดหมายลับที่จิวยี่เขียนและวางไว้จึงหยิบออกอ่านโดยมีเนื้อความในจดหมายว่า "ซัวมอและเตียวอุ๋นเอาใจออกห่าง และจะตัดศีรษะโจโฉมาให้"เมื่อเจียวก้านอ่านจดหมายลับของจิวยี่จบก็ดีใจ รีบนำจดหมายนั้นมามอบให้แก่โจโฉหวังความดีความชอบแก่ตน


โจโฉไม่เท่าทันแผนกลอุบายของจิวยี่ เมื่อได้อ่านจดหมายลับจากเจียวก้านก็โกรธแค้นจึงสั่งประหารซัวมอและเตียวอุ๋นทันที แต่ภายหลังได้แลเห็นศีรษะของแม่ทัพเรือทั้งสอง โจโฉก็รู้ว่าตนเองนั้นต้องกลอุบายของจิวยี่ที่สั่งฆ่าคนของตนที่เป็นแม่ทัพและชำนาญในการเดินเรือ เมื่อโจโฉไม่มีซัวมอและเตียวอุ๋นในการทำศึกทางเรือ 


ก็ถูกจูกัดเหลียงและจิวยี่เผากองทัพเรือจนพ่ายแพ้ยับเยินในเวลาต่อมา เจี้ยเตาซาเหรินหรือกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนของจิวยี่ ก็ประสบความสำเร็จในตัดกำลังสำคัญในการนำทัพเรือของโจโฉ ทำให้ได้รับชัยชนะได้อย่างงดงาม

ลิงมาคาก ลิงโลกเก่า ( ใช้ชื่อสกุลว่า Macaca)ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้


ลิงมาคาก ลิงโลกเก่า ( ใช้ชื่อสกุลว่า Macaca)ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้

ลิงมาคาก (อังกฤษ: macaque) เป็นสกุลของวงศ์ลิงโลกเก่า (Cercopithecidae) สกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Macaca



ลิงในสกุลนี้ มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ทวีปแอฟริกาตอนเหนือจนถึงเอเชีย เป็นลิงที่พบได้อย่างกว้างขวาง มีนิ้วมือที่วิวัฒนาการใช้หยิบจับสิ่งต่าง ๆ

ลองเข้ามาดูสินค้า น้ำมันหมอหลวงสูตรร้อน พิเศษ 3 ขวด 500 เท่านั้น ขายในราคา ฿350 ซื้อได้ในแอป Shopee ตอนนี้เลย! https://s.shopee.co.th/4L5it62mxD


 ได้ดี มีกระพุ้งแก้มที่สามารถใช้เก็บอาหารได้ กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งเนื้อสัตว์และพืช บางชนิดมีหางยาว ขณะที่บางชนิดมีหางขนาดสั้น มีพฤติกรรมทางสังคมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง


 มีโครงสร้างทางสังคมที่สลับซับซ้อนและมีลำดับอาวุโส โดยปกติแล้ว ลิงตัวผู้ที่มีอาวุโสที่สุดหรือมีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในฝูงจะเป็นจ่าฝูง ลิงตัวใดที่มีลำดับอาวุโสน้อยกว่าถ้าได้กินอาหารก่อนลิงที่มีอาวุโสมากกว่า ลิงที่อาวุโสมากกว่าอาจแย่งอาหารจากลิงที่อาวุโสน้อยกว่าขณะกำลังจะหยิบเข้าปากได้เลย


ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานไว้ทั้งสิ้น
 23 ชนิด  โดยมี 6 ชนิดที่พบได้ในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นลิงทั้งหมดที่พบได้ในประเทศไทย คือ ลิงแสม (M. fascicularis), ลิงกังใต้ (M. nemestrina), ลิงกังเหนือ (M. leonina), ลิงวอก (M. mulatta), ลิงอ้ายเงียะ (M. assamensis) และลิงเสน (M. arctoides)

และยังมีอีก 4 ชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว คือ M. anderssoni, M. liangchuanensis, M. libyca, M. majori

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2568

อีเห็นลายเสือสัตว์แปลกๆที่กำลังจะสูญพันธุ์


ชะมดแปลงลายจุด หรือ อีเห็นลายเสือ (อังกฤษ: Spotted linsang, ชื่อวิทยาศาสตร์: Prionodon pardicolor) เป็นชะมดชนิดหนึ่ง

เป็นชะมดที่ไม่มีต่อมกลิ่นเช่นเดียวกับชะมดแปลงลายแถบ (P. linsang) และมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ส่วนหัวมีขนสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะเด่นคือ มีจุดสีน้ำตาลเข้มหรือดำขึ้นอยู่ประปรายตามลำตัว หางยาวและมีแถบสีขาวสลับดำ หรือน้ำตาลเข้มเป็นปล้องประมาณ 7 ปล้อง

ลองเข้ามาดูสินค้า Frank Perfume กลิ่น Miss SI ขายในราคา ฿149 ซื้อได้ในแอป Shopee ตอนนี้เลย!


มีความยาวลำตัวและหัวประมาณ 35-37 เซนติเมตร ความยาวส่วนหาง 31-34 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 700 กรัม มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่เนปาล, แคว้นสิกขิมและแคว้นอัสสัมของอินเดีย, ภาคใต้ของจีน, ภาคเหนือของพม่า, ไทย, ลาว และเวียดนาม

มักอาศัยอยู่ตามลำพังเพียงตัวเดียว ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์หรือมีลูกอ่อนอาจอยู่เป็นคู่หรือหลายตัว มักพบในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500-2,700 เมตร



 ล่าสัตว์ขนาดเล็ก เช่น กระรอก, หนู, นก และแมลงต่าง ๆ เป็นอาหาร ออกหากินในเวลากลางคืน ส่วนใหญ่จะหากินเป็นหลักบนต้นไม้ นานครั้งจึงจะลงมาบนพื้นดิน มีฤดูผสมพันธุ์ในเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม ออกลูกครั้งละ 2 ตัว ใช้โพรงไม้ในการเลี้ยงดูลูกอ่อน

จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 
สัตว์แปลกที่เราอาจจะไม่เคยพบเคยเห็น

รายการบล็อกของฉัน