Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

เรื่องลึกลับ นางห้าม สมัยอาณาจักรขอมโบราณ


ค้นหา
Custom Search
นางห้าม" สมัยอาณาจักรขอมโบราณ

(สีแดง)อาณาเขตช่วงกลางพุทธศตวรรษที่15 สมัยขอมเรืองอำนาจ
อาณาจักรขอมหรือแขมร์ เป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-19 สิ่งที่ยืนยันถึงความความยิ่งใหญ่ของขอมในอดีต คือ นครวัด และนครธม ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของขอมมาก่อน  ซึ่งสมัยยุคพระนครนั้นอาณาจักรขอมกินพื้นที่อาณาบริเวณจำนวนมหาศาล คือ กัมพูชาทั้งประเทศ ไทย ลาวเกือบทั้งประเทศ  พม่าและเวียดนามบางส่วน  กินไปจนถึงจีนตอนใต้บางส่วน  มีเมืองขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้อาณาจักรขอมได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ ในช่วงเวลาดังกล่าว 
  
จากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมทำให้กษัตริย์ผู้เป็นองค์สมมติเทพอันได้รับคติความเชื่อมาจากฮินดู มีอำนาจล้นฟ้าจะทำการสิ่งใดก็ได้ภายในอาณาจักรตน เป็นวาจาอาญาสิทธิ์ ซึ่งนอกจากอำนาจ ดินแดน ทรัพย์สินเงินทอง ข้าราชบริพาร ที่มีมากอย่างล้นเหลือแล้ว สิ่งหนึ่งที่กษัตริย์ขอมอยากครอบครอง คือ สตรี นั่นเอง
นครวัด

ในราชสำนักขอมโบราณกษัตริย์จะมีมเหสี1 องค์ ส่วนพระสนมนั้นมีได้ไม่จำกัดจำนวน นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าสนมในอาณัติของกษัตริย์เขมรโบราณมีไม่ต่ำกว่า1,000นาง ซึ่งมาจากมากมายหลายที่ ทั้งที่กษัตริย์หมายปอง  และสตรีที่ถูกนำตัวมาถวาย รวมถึงเชลยศึกจากเมืองต่างๆ โดยมีทั้งสตรีสามัญชนและสตรีสูงศักดิ์

หญิงจากเมืองต่าง ๆ จะถูกปลดเปลื้องผ้าสไบออกให้เห็นเนินอกและปทุมถันตามแบบจารีตขอม
นางใดที่ไม่ทำตามหรือขัดขืนไม่ยอมเป็นนางห้าม จะถูกลงโทษทัณฑ์ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
-ใช้ช้างกระทืบกลางหน้าอกจนตาย
-ตัดลำตัวให้ขาดเป็นสองท่อน
-โยนลงบ่อจระเข้
-ต้มในน้ำเดือดจนตาย
-ใช้สิ่วตอกเพื่อเปิดกระโหลกให้แร้งกา จิกกินสมอง
-กรีดเนื้อเอาเกลือทาจนตาย
-เฉือนเนื้อส่วนต่างๆให้ตัวเองกินจนกว่าจะตาย
-ใช้สิ่วตอกอวัยวะเพศให้ทะลุมดลูกจนตาย
-โยนเข้ากองไฟในขณะมีชีวิต
-ใช้ไม้ไผ่แหลมขนาดเท่าแขน สวนทวารหนักให้ทะลุปาก เป็นต้น

หลังพวกนางถูกประหารชีวิตแล้ว พราหมณ์เจ้าพิธีกรรมจะทำการจองจำวิญญาณเพื่อให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์ไปชั่วกาลปาวสานโดยการสะกดวิญญาณไว้ในรูปสลักนางอัปสรา
ที่ปรากฏตามปราสาทหินต่างๆนั่นเอง เหตุนี้จึ่งทำให้รูปนางอัปสรเหล่านี้ ดูราวกับสามารถออกมาร่ายรำในคืนพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างน่าฉงน
วิญญาณของสตรีที่ถูกลงทัณฑ์จะถูกจองจำในรูปสลักนางอัปสราไปชั่วกาลปาวสาน


ส่วนนางที่รอดจากการประหารใช่ว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสตรีสูงศักดิ์จากเมืองหรือสตรีสามัญชน พวกนางต้องถูกสักหน้าผากทำงานหนักยิ่งกว่าทาส และมีสถานะเป็นหญิงกลางเมือง คือตกเป็นสมบัติกลางเมืองแก่ชายทั่วทั้งอาณาจักร อย่าหวังว่าจะได้เงยหน้าอ้าปาก ถามหาเกียรติยศศักดิ์ศรีคืนกลับมาอีกเลย เพราะจักต้องปรนเปรอความใคร่ ตั้งแต่ชายชั้นสูง ขุนนาง ชายต่างชาติอีกมากหน้าหลายตา รวมถึงชายชั้นเลวทั้งหลาย ซึ่งเมื่อเห็นเหล่านางที่ถูกสักหน้าผากที่ใดสามารถนำมาปรนเปรอได้โดยไม่ผิดอาญาหลวง 

การกระทำการทารุณยิ่งกว่าสัตว์นี้ เป็นเหตุให้สตรีไม่กล้าขัดขืนที่จะเป็นนางห้ามของกษัตริย์ขอมโบราณ นอกจากนี้ยังทำให้อาณาจักรใหญ่น้อยต่างยำเกรงในความเหี้ยมโหดแลป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉานก็มิปานของขอมด้วย

การแต่งกายที่เลียนแบบจากรูปสลักหินนางอัปสราจากกลุ่มปราสาทต่างๆ

เมื่อพูดถึงเหล่านางสนมธรรมดาแล้ว ผมนึกถึงตำนานที่เล่าขานถึงสตรีนางหนึ่งที่มีบทบาทต่อราชสำนักขอมโบราณอย่างมาก

นางผู้นี้มีชื่อว่า "กังสตาลวาตีศรีสุริยวรมัตตรา"ความชั่วร้ายของนาง เป็นที่กล่าวขานไปทั่วพระนครธมแห่งนี้ ความที่นางสามารถบงการแก่องค์สมมติเทพให้ตกอยู่แก่อาณัติแห่งนางได้
นางนั้นไซร้มีหน้าที่ถวายคำแนะนำแก่
องค์อัครราชาธิราช ตลอดจนถึงเป็นครูสอนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้แก่พระองค์ด้วยถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ คงต้องใช้คำว่า "ขึ้นครู" กระมังการเปลื้องหน้าอกของสตรีเป็นรีตสมัยขอมโบราณ

แม่ย่านางกังสดาล มีหน้าที่ควบคุมกฎเกณฑ์ในราชสำนักขอม ประมาณยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือก่อนหน้านั้น

นางมีหน้าที่ควบคุมความเป็นไปในราชสำนักขอมในเวลานั้นแต่นางหาได้เปิดเผยตัวเท่านใดนัก ที่พำนักแห่งนาง ก็คือ "ภูกระดิ่ง" นางมีประตูเชื่อมกาลเวลาเดินทางไปมาได้ราวกับล่องหนหายตัวประตูนี้เชื่อมโยงทวีปต่าง ๆ ทั่วโลกเข้าด้วยเป็นวิวัฒนาการที่หายสาบสูญไปเพราะฝีมือของมนุษย์เรานี่เองครับ

ไม่ใช่ว่านางจักมิทรงมีความรักแต่นางอาจจะอายุยืนเกินไปที่จะผูกพันกับผู้ใดได้โดยง่ายการถ่ายจิตวิญญาณเหมือนเรื่องคุณยาย
วรนารถ ก็อะไรทำนองนั้นแหละ
ส่วนกรรมวิธีก็ซับซ้อนนะครับ ยากอธิบายแต่หลักการก็คือ เปลี่ยนคน แต่ความทรงจำเดิม ประมาณนั้นครับ

ยามแสงจันทร์ต้องรูปสลักหิน เหล่านางอัปสราจะออกมาร่ายรำอย่างน่าฉงน

รายการบล็อกของฉัน