Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ผลการศึกษาชี้ อาณานิคมมนุษย์ในอวกาศต้องเหมือนบนโลกจึงจะสำเร็จ

ผลการศึกษาชี้ อาณานิคมมนุษย์ในอวกาศต้องเหมือนบนโลกจึงจะสำเร็จ


นักวิจัยชาวอเมริกันให้ข้อชี้แนะในการศึกษาครั้งใหม่ว่า มนุษย์จำเป็นต้องทำให้อวกาศมีสภาวะที่เหมือนโลกให้มากที่สุด เพื่อให้คนเราสามารถอยู่รอดในอวกาศได้เป็นเวลานาน ๆ

การศึกษานี้เกิดขึ้นในขณะที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซ่า เตรียมส่งนักบินอวกาศกลับสู่ดวงจันทร์ด้วยโครงการ อาร์ทิมิส (Artemis) โดยนาซ่าเพิ่งประกาศรายชื่อนักบินอวกาศชุดใหม่ที่จะเข้าร่วมในภารกิจทดสอบการบินรอบดวงจันทร์ และมีแผนในอนาคตที่จะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารอีกด้วย

การศึกษาดังกล่าว ซึ่งจัดทำขึ้นโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell) ในรัฐนิวยอร์ก และสถาบันนอร์ฟอล์ค (Norfolk) ในรัฐเวอร์จิเนีย ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Astronomy and Space Sciences เมื่อไม่นานมานี้ โดยมีเนื้อหาที่อธิบายถึงสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในระยะยาวในอวกาศหรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ


การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นต่าง ๆ เช่น วิธีรับมือกับแรงโน้มถ่วงและออกซิเจนในอวกาศ การเก็บกักน้ำ การพัฒนาการเกษตร และการกำจัดของเสียในอวกาศ

มอร์แกน ไอร์ออนส์ (Morgan Irons) หนึ่งในนักวิจัย ซึ่งเป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล ได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ เพื่อสำรวจความจำเป็นทางกายภาพที่มีความสำคัญสำหรับมนุษย์ในระหว่างการเดินทางในอวกาศในอนาคต

เธอกล่าวในแถลงการณ์ว่า สิ่งมีชีวิตในอวกาศก็จำเป็นต้องมี "ระบบนิเวศตามธรรมชาติ" เพื่อเกื้อหนุนมนุษย์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพราะ “หากไม่มีการจัดตั้งระบบเหล่านี้ ภารกิจก็จะล้มเหลว”

ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยอีกคนคือ ลี ไอร์ออนส์ (Lee Irons) ซึ่งเป็นคุณพ่อของมอร์แกนและเป็นหัวหน้าสถาบันนอร์ฟอล์ค ที่พยายามหาหนทาง "การทำงานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัว" ของมนุษย์ทั้งบนโลกและในอวกาศ

เขากล่าวว่า หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษย์ในอวกาศ คือ ปัญหาเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง เพราะมนุษย์จะประสบภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำในอวกาศ ขณะที่ การลดลงของแรงโน้มถ่วงสามารถเปลี่ยนระดับความดันของของเหลวในตัวสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอวกาศเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาของการมองเห็น เพราะร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถรักษาระดับความดันของของเหลวให้เท่ากับที่ร่างกายเคยชินบนโลก

กลุ่มนักวิจัยในการศึกษานี้กล่าวว่า ในช่วงแรก พวกเขาต้องศึกษาความจำเป็นทางกายภาพในระยะยาวของมนุษย์ ทั้งบนโลกและในอวกาศ โดยมีการเสนอให้ผู้ที่รับผิดชอบด้านการวางแผนภารกิจในอวกาศคิดหาวิธี "สร้างเครือข่ายระบบนิเวศเชิงวิวัฒนาการ” ที่ทำให้โลกกลายมาเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ดังเช่นในปัจจุบัน


จีนเตรียมสร้างสถานีดาวเทียมที่ขั้วโลกใต้ สานฝันมหาอำนาจในอวกาศ
มอร์แกน ไอร์ออนส์ กล่าวว่า ถึงแม้จะมีการลงทุนเป็นเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาอาณานิคมในอวกาศ โครงการดังกล่าวอาจเป็นการสูญเปล่า เพราะโอกาสของความสำเร็จนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีแรงโน้มถ่วงมาเกี่ยวข้องเสมอ

นอกจากนี้แล้ว นักวิจัยกล่าวว่า ออกซิเจนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ และว่า หน่วยงานด้านอวกาศจำเป็นต้องสร้างระบบออกซิเจนหลักและสำรองโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรองรับการที่มนุษย์ใช้ชีวิตในอวกาศเป็นเวลายาวนานด้วย

ในเรื่องนี้ มีข้อเสนอแนะประการหนึ่งจากการศึกษา ซึ่งก็คือ การส่งสิ่งมีชีวิตเพื่อผลิตออกซิเจนไปร่วมตั้งอาณานิคมในอวกาศ โดย ลี ไอร์ออนส์ อธิบายว่า วิธีดังกล่าวอาจเป็นการใช้พืชพันธุ์นับแสนชนิดที่สามารถสร้างออกซิเจนได้มาช่วยสนับสนุนภารกิจระยะยาวทั้งในอวกาศและบนดาวเคราะห์อื่น ๆ

การศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ พลังงานจำนวนมหาศาลจากดวงอาทิตย์ เพราะในความเป็นจริงนั้น เมื่อนักบินอวกาศเดินทางไกลออกไปจากดวงอาทิตย์ พวกเขาจะรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

ลี ไอร์ออนส์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดตั้งอาณานิคมที่มีระบบนิเวศเอื้อต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ในอวกาศต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก “มิฉะนั้นแล้ว การจ่ายพลังงานให้กับระบบนิเวศของชุมชนอันห่างไกล (outpost) ในอวกาศ ก็จะมีสภาพเหมือนกับการใช้แบตเตอรีโทรศัพท์มือถือขับเคลื่อนรถยนต์นั่นเอง”

รายการบล็อกของฉัน